แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างชื่อ DHL หลอกเหยื่อสูญเงินหลายล้าน สาวโชคร้ายเปิดใจกับ กรรชัย ในโหนกระแส โดนไป 3 บัญชี รวมแล้วกว่า 3 ล้าน กรณี แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แอบอ้างชื่อ DHL หรือ DHL Express บริษัทขนส่งดัง เพื่อหวังข้อมูลส่วนบุคคลหรือทรัพย์สิน โดยใช้อุบายหลอกให้เหยื่อหลงเชื่อทำนองว่าส่งของผิดกฎหมาย ติดค้างอยู่ด่านศุลกากร ก่อนออกอุบายให้โอนเงินเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งมีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก บางรายสูญเงินหลักหลายล้านบาท
ล่าสุด วันนี้ (12 ม.ค.65) รายการโหนกระแส
โดยพิธีกร “หนุ่ม” กรรชัย กำเนิดพลอย ได้สัมภาษณ์เหยื่อที่ถูกหลอก ทั้ง คุณบุศ เสียเงิน 3 ล้าน, คุณยศ เสียเงิน 2.9 ล้าน, คุณโอ๋ เสียเงิน 1.7 ล้าน
คุณบุศ ผู้เสียหายที่สูญเงินไปสามบัญชีรวมแล้วกว่า 3 ล้านบาท เล่าว่า มีโทรศัพท์เข้ามาช่วงเช้า อ้างมาจาก DHL แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้รับเป็นเสียงอัตโนมัติ แจ้งว่าตัวเธอเองส่งของผิดกฏหมาย
จากนั้นโอนสายไปให้เจ้าหน้าที่อีกคน ก็ถามว่าได้ส่งพัสดุอันนี้หรือไม่ เธอปฏิเสธ ทางมิจฉาชีพจึงอ้างว่า ตัวผู้เสียหายถูกแอบอ้างชื่อส่งของไปมีพาสปอร์ตกับเอทีเอ็ม เป็นของผิดกฎหมาย มีการจะต่อสายไปยัง สภ.เชียงใหม่ พอโอนสายไปก็เจอคนแอบอ้างเป็นตำรวจ
กรรชัย พยายามสอบถามว่า ได้เอะใจหรือไม่ ว่าเป็นการโอนสายจาก DHL ไปให้ตำรวจ ซึ่ง คุณบุศ ก็ยอมรับว่าไม่ได้เอะใจ
ตอนที่ต่อสายให้ตำรวจ ตัวเธออธิบายว่าไม่สะดวกเดินทางไปแจ้งความได้ แก๊งโจรแสบจึงบอกให้แจ้งความผ่านไลน์ มีการเอาชื่อผู้เสียหายไปตรวจสอบ แล้วอ้างว่าพบ พัวพันคดีฟอกเงิน 8 ล้าน
คุณบุศ ยอมรับว่าตอนนั้นตกดใจมาก จากนั้นมิจฉาชีพขู่อีกห้ามบอกใคร เป็นเวลาอย่างน้อย 7 วัน ต่อมาก็ถูกสอบปากคำให้บอกเลขบัญชีทั้งหมดที่มี อันไหนไม่ตรงจากการตรวจสอบจะทำการอายัด
ทั้งนี้เมื่อ กรรชัย ถามว่า อะไรทำให้ตัดสินใจโอนเงินไปให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ คุณบุศ ตอบว่า กลุ่มมิจฉาชีพสร้างสถานการณ์ใจนทำให้เชื่อ บอกถ้าบริสุทธิ์ใจ ต้องยอมทำแต่โดยดี บอกให้โอนให้หมด ปัดหลักหน่วยออกไป เพื่อการตรวจสอบ สุดท้ายโอนไป 3 บัญชีรวม เกือบ 3 ล้าน พอมาตรวจสอบรายชื่อที่กลุ่มคอลเซ็นเตอร์นี้แอบอ้างก็เริ่มจับพิรุธได้ว่าโดนหลอก
วีดีโอคอล แต่งงาน เหตุ เจ้าบ่าวติดเชื้อโควิด! เจ้าสาวกักตัว
เปิดภาพบรรยากาศงานแต่งยุคโควิด ฉายโปรเจคเตอร์ เจ้าบ่าวติดเชื้อ รักษาตัวอยู่โรงพยาบาล เจ้าสาวกักตัวใส่ชุดเจ้าสาว พร้อมวีดีคอล ขอบคุณแขกที่มาร่วมงาน กลายเป็นกระแสฮือฮาบนโลกออนไลน์ เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 65 มีผู้ใช้ Tiktok @jaybro238 โพสต์ภาพบรรยากาศงานแต่งงานของน้องชาย และน้องสะใภ้ ที่เธอเป็นคนถ่ายไว้เอง
ผู้ที่มาร่วมงานแต่งงานดังกล่าวคือแขกที่ถูกเชิญ แต่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวไม่สามารถมาร่วมงานเเต่งของตัวเองได้ เหตุเพราะ เจ้าบ่าวตรวจพบเชื้อโควิด-19 ก่อนเริ่มงานเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ต้องรับการเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลทันที ส่วนเจ้าสาวถือเป็นผู้ไกล้ชิดมากที่สุด ถึงแม้จะอยู่ในชุดเจ้าสาวแล้ว ก็จำเป็นต้องกักตัวไม่สามารถพบผู้คนได้เช่นกัน
การจัดงานครั้งนี้ถูกเตรียมการไว้พร้อมแล้ว จึงยังต้องจัดต่อไป โดยปรับรูปแบบให้ เจ้าบ่าว เจ้าสาว และเเขกภายในงาน พูดคุยกันผ่าน วีดีคอล บนโปรเจคเตอร์ ขนาดใหญ่แทน
ภายในคลิประบุรายละเอียดจากพี่สาวของเจ้าบ่าวว่า “มันเป็นสิ่งที่ดีแต่ก็แฝงด้วยความโชคร้าย เจ้าบ่าวติดโควิดก่อนวันงาน แค่ไม่กี่ชั่วโมงส่วนเจ้าสาวต้องกักตัวรอดูอาการ #เป็นกำลังใจให้น้องของพี่ทั้งสองคนนะ”
หลังจากโพสต์ถูกแพร่กระจายออกไป ชาวโซเชียลต่างเข้ามาให้กำลังใจ หลายคนรู้สึกเสียดายแทนเจ้าสาวที่เเต่งตัวพร้อมแล้ว แต่ก็นับถือในการรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ออกมาเพิ่มความเสี่ยงโควิด-19
ศบค. แนวโน้มโควิด จะเริ่มแพร่ระบาดช้าลง หลังอัตราติดโควิดอยู่ที่ 100 ต่อแสน ขณะที่อัตราผู้ป่วยหนักและผู้เสียชีวิตอยู่ในระดับที่ต่ำ พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผอ.สำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค ได้ออกมาแถลงถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยในวันนี้พบผู้ป่วยใหม่ 7,681 ราย และเสียชีวิตเพิ่ม 22 ศพ
พญ.สุมนี กล่าวต่อว่า ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา กราฟติดเชื้ออยู่ในระดับเดียวกับเส้นคาดการณ์สีเทา แต่หลังจากวัน 10 ม.ค.ที่ผ่านมา ผู้ติดเชื้อมีทิศทางทรง ๆ และเหมือนลดลงอย่างช้า ๆ น่าจะเป็นผลจากการใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อชะลอและควบคุมการระบาด อัตราติดเชื้อโควิดช่วงปีใหม่เป็นต้นมาจนถึงวันนี้อยู่ที่ 100 ต่อแสนประชากร
ในส่วนของอัตราการเสียชีวิต พญ.สุมนี กล่าวอีกว่า ส่วนการเสียชีวิตระลอก ม.ค.2565 มีความรุนแรงน้อยกว่าระลอก เม.ย.2564 เพราะรับวัคซีนเพิ่มขึ้น การจะเป็นโรคประจำถิ่นลักษณะคือโรคมีความรุนแรงลดลง ดูจากอาการป่วยหนัก ใส่ท่อช่วยหายใจ และเสียชีวิตที่ลดลง โดยเราจะสามารถใช้ชีวิตประจำวันกับโรคได้ แต่โควิดไม่เหมือนโรคประจำถิ่นอื่น ๆ เพราะต้องอยู่กับโรคแบบวิถีใหม่ ยังต้องใส่หน้ากากอนามัย อยู่ห่าง ล้างมือ ลดความเสี่ยงการติดเชื้อ หากรับเชื้อหรือเป็นแล้วจะได้ไม่แพร่ต่อ และตอนนี้บ้านเรายังไม่มีรายงานเสียชีวิตจากเชื้อโอมิครอนเลย โอมิครอนจึงรุนแรงน้อยกว่าเดลตา